การเก็บข้อมูลการรักษาเป็นสิ่งที่แพทย์ทุกคนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในโลกยุคปัจจุบันการเก็บข้อมูลการรักษาคนไข้มีหลายรูปแบบ เริ่มจากการจนบนกระดาษเก็บเอาไว้ในแฟ้ม ซึ่งยังคงเป็นวิธีที่ยังคงมีการใช้จนถึงปัจจุบัน ไปจนถึงการเก็บข้อมูลบนคลาวด์ด้วยรูปแบบต่างๆ โดยแต่ละวิธีจะมีอะไรบ้าง และแต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลยครับ
การเก็บข้อมูลบนกระดาษ
นับเป็นวิธีที่เรียกได้ว่าคลาสสิคและยังคงมีการใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเป็นวิธีที่ใช้มาอย่างยาวนาน และยังมีการใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแค่เขียนลงไปบนกระดาษที่มีการพิมพ์ฟอร์มต่างๆเตรียมเอาไว้ ด้วยต้นทุนที่ราคาถูก และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานใดๆ ทำให้หลายๆคลินิกยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันการเก็บข้อมูลด้วยวิธีนี้เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่มีข้อเสียมากที่สุด เพราะนอกจากจะมีโอกาสสูญหายจากการเก็บไม่เป็นระเบียบแล้ว ยังมีโอกาสเสียหายจากการโดนน้ำ ฉีกขาด หรือถูกขโมยอีกด้วย อีกทั้งยังมีปัญหาของการอ่านไม่ออก ที่มักจะเกิดขึ้นในกรณีที่แพทย์ผู้ให้การรักษาไม่ใช่คนเดียวกัน หรือแม้แต่ตัวเจ้าของลายมือเองก็อาจจะยังอ่านลายมือตัวเองไม่ออกอีกด้วย ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้การรักษาของลูกค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงและเกิดข้อผิดพลาดได้นั่นเอง
การเก็บข้อมูลบนแท็บเล็ต
เป็นวิธีการบันทึกข้อมูลเอาไว้บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง แท็บเล็ต ที่สามารถพกพาได้ง่าย โดยการติดตั้งแอพลิเคชันเพื่อทำการวาดเขียนและบันทึกใบ OPD ออกมาเป็นไฟล์รูป และทำการบันทึกลงในพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ซึ่งวิธีนี้จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องของข้อมูลที่เสียหายจากการโดนน้ำหรือฉีกขาด เนื่องจากข้อมูลถูกเก็บบนแท็บเล็ตทำให้ตัดปัญหาในส่วนนี้ออกไป แต่ในขณะเดียวกัน การเก็บเป็นรูปภาพยังคงมีปัญหาเรื่องของลายมือแพทย์ที่อาจทำให้ผู้อ่านเกิดความสับสน รวมถึงการบันทึกข้อมูลเป็นรูปนั้นยังไม่สามารถนำข้อมูลการรักษามาวิเคราะห์หรือทำไปใช้เชิงสถิติอื่นๆอีกด้วย นอกจากนี้หากแท็บเล็คหรืออุปกรณ์ที่บันทึกเกิดสูญหาย หรือเสียหาย หากไม่มีการสำรองข้อมูลอาจทำให้คลินิกสูญเสียข้อมูลทั้งหมดโดยไม่สามารถกู้คืนกลับมาได้อีกด้วย
การเก็บข้อมูลบนฐานข้อมูลคลาวด์
เป็นวิธีการที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เข้ามาช่วยให้การบันทึกข้อมูลนั้นเป็นไปอย่างหลากหลายและง่ายต่อการเข้าถึงมากขึ้น เนื่องจากคลาวด์สามารถเข้าถึงได้ทุกที่บนโลก บนทุกอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ยังสามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ วาด หรือเขียน ซึ่งสามารถแปลงลายมือเป็นตัวอักษรในอุปกรณ์ที่รองรับ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์เชิงสถิติต่างๆได้อย่างง่ายดาย แม้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่เกิดการสูญหาย ก็สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ใหม่เลยได้โดยที่ข้อมูลยังคงอยู่เหมือนเดิมและไม่ต้องติดตั้งอะไรเพิ่ม และยังสามารถใช้งานได้หลายๆอุปกรณ์ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
แม้วิธีนี้จะลบข้อด้อยของวิธีอื่นๆก่อนหน้านี้ แต่การเก็บข้อมูลด้วยวิธีนี้ยังมีข้อเสียเช่นเดียวกัน เช่น การเก็บข้อมูลวิธีนี้จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการทำงานตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามทุกคลินิกก็ติดตั้งอินเทอร์เน็ตไว้ในคลินิกเป็นปกติอยู่แล้ว ต่อให้เน็ตหลุดก็ยังสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการปล่อย Hotspot เพื่อทำงานต่อไปได้ อีกข้อเสียหนึ่งที่สำคัญก็คือ หลายๆคนมักติดภาพการนำเทคโนโลยีมาแทนที่เป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ ซึ่งในปัจจุบันผู้พัฒนาโปรแกรมก็ได้คิดค้นและออกแบบให้โปรแกรมใช้งานได้ง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ เพียงแค่เปิดใจก็สามารถเรียนรู้และใช้งานได้ในเวลาไม่นาน
การเก็บข้อมูลที่ล้ำค่าอย่างข้อมูลการรักษาของคนไข้นั้น มีปัจจัยมากมายในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเก็บข้อมูล ความปลอดภัย การนำข้อมูลมาใช้งาน และอื่นๆอีกมากมาย ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น และแน่นอนว่าธุรกิจคลินิกนั้นไม่ได้มีส่วนสำคัญเฉพาะการรักษาเพียงอย่างเดียว เพื่อให้คลอบคลุมทุกส่วนสำคัญของคลินิก ผมขอแนะนำโปรแกรม JERA Cloud ระบบคลาวด์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับคลินิกความงาม สปา และคลินิกเฉพาะทางต่างๆ ที่เก็บข้อมูลบนพื้นคลาวด์ได้แบบไม่จำกัด สามารถทำงานได้บนทุกอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต หรือมือถือ ก็สามารถเข้าใช้งานได้พร้อมกันโดยไม่จำกัดจำนวนเครื่อง เก็บข้อมูลของคุณด้วยระบบฐานข้อมูลคลาวด์บนคลาวด์เซิฟเวอร์ที่ได้รับมาตรฐานสากลอย่าง Google Cloud Service และมีบริการหลังการขายตลอดอายุการใช้งาน อีกทั้งยังอัพเดทและสอนการใช้งานออนไลน์ฟรีแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง พร้อมเปลี่ยนให้คลินิกของคุณเป็นสมาร์ทคลินิกได้แล้ววันนี้ สนใจติดต่อ Line : @jeracloud
Comments